
#01
- Camp –
.
.
ในหุบเขาที่ห่างไกลจากเมืองใหญ่และผู้คน ปรากฏรถยนต์คันหนึ่งแล่นตามท้องถนนมุ่งขึ้นไปยังภูเขา เจ้าของรถคือคู่รักวัยรุ่นที่เดินทางมายังภูเขาแห่งนี้เพื่อที่จะตั้งแคมป์พักผ่อนในวันหยุด ตามคำเชื้อเชิญของเพื่อนๆที่มาถึงก่อนหน้านี้แล้ว
“พวกบ็อบว่ายังไงบ้าง”
“พวกนั้นถามตลอดเลยว่าถึงรึยัง แต่ที่นี่ไกลจากเมืองมาก เราขับไม่เจอหมู่บ้านมาประมาณสิบกิโลแล้วนะ ยังไม่ถึงอีกหรอ”เบลตอบแฟนหนุ่มอย่างบ่นๆ พวกเธอมีวันหยุดแค่สามวัน แค่เดินทางไปยังสถานที่ตั้งแคมป์ปาไปครึ่งวันกว่าๆยังไม่ถึงเลย นี่จะเรียกว่ามาพักผ่อนหรือมาทำให้เหนื่อยกว่าเดิมดีนะ
“เอาหน่า จริงๆแล้วเราควรจะบ่นมากกว่านะ เนี่ยขับรถมาตั้งนานเมื่อยชะมัด”เคนตอบพร้อมทำหน้าเซ็งๆ
“ก็เคนขับรถเป็นนี่นา ถ้าเราขับเป็นนะ เราคงผลัดกับเคนขับตั้งนานแล้ว”
“จ้า เราเชื่อ บอกบ็อบให้ส่งโลเคชั่นมาเลยนะ น่าจะใกล้ถึงที่และ”หลังจากเคนพูดจบ เบลก็พยักหน้ารับ
“อ๊ะ! ส่งมาพอดีเลย อีก20กิโล”
“โอเค เบลนอนไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวถึงที่แล้วเราจะปลุก”
“เคนจะเหงาป่าว เราทนได้”
“ไม่เป็นไร มีเบลอยู่ด้วยเราก็ไม่เหงาแล้ว”เคนหันมายิ้มให้เบลบางๆ
“งั้นมองทางไปเลย! เรานอนและ”เบลรีบหยิบผ้าห่มขึ้นมาคลุมหน้าอย่างเขินๆ ก่อนจะเคลิ้มหลับไป ปล่อยให้เคนยิ้มอย่างเอ็นดูพร้อมขับรถไปอย่างเงียบๆ
.

“เบลตื่นได้แล้ว เราถึงที่แล้วนะ”เคนเขย่าไหล่ของเบลเบาๆเมื่อจอดรถเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะเปิดประตูออกจากรถไป
“ถึงแล้วหรอ”เบลพูดเสียงงัวเงียเนื่องจากพึ่งตื่น บิดขี้เกียจเล็กน้อยและเปิดประตูเดินตามเคนไปที่ส่วนท้ายของรถ
ที่พวกเขาอยู่กันตอนนี้ล้อมรอบไปด้วยป่า และต้นไม้สูงๆเต็มไปหมด บรรยากาศวังเวงขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงเย็นแล้ว ท้องฟ้าเปลี่ยนสีเป็นเข้มขึ้น ทั้งสองเดินสำรวจบริเวณนั้นไปรอบๆ กลับไม่เจอเพื่อนสักคน
“ไม่มีใครตอบเลยหรอเบล”
“ไม่มีเลย นี่ก็นานแล้วนะ ทั้งเฟสบุ๊คทุกคนไม่มีใครกำลังใช้งานอยู่เลย”เบลพูดด้วยน้ำเสียงที่เริ่มเป็นกังวล ที่นี้เริ่มมืดขึ้นเรื่อยๆ ทั้งสองจึงตัดสินใจตั้งแคมป์กันตรงนี้ก่อน เพื่อรอให้เพื่อนกลับมาตอบข้อความ
“เคน”
“มีอะไรหรอ”
“เราอยากเข้าห้องน้ำอะ เดี๋ยวเรามานะ”
“โอเค ระวังด้วยนะ ถ้าเจออะไรตะโกนเรียกได้เลย”
“อื้อ”
เบลเดินออกจากบริเวณที่ตั้งแคมป์เล็กน้อย ก่อนจะรีบทำธุระของตัวเองเพราะเธอรู้สึกกลัว ในขณะที่เบลกำลังจะเดินกลับไปยังที่พัก เธอรู้สึกเหมือนมีใครกำลังจ้องมองจากข้างหลังจึงรีบหันไปมอง เธอเหมือนจะเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่หลังต้นไม้ ในตอนแรกเธอคิดว่าตัวเองคงตาฝาดไป แต่เมื่อเธอเพ่งมองดีๆ จึงรู้ว่าไม่ได้มองผิด
“หนู มาทำอะไรที่นี่”เบลถามพร้อมเดินเข้าไปหาเด็กผู้หญิงคนนั้น ทันทีที่เบลเดินไปใกล้ๆเด็กคนนั้นกลับวิ่งหนีเข้าไปในป่า
“เดี๋ยวสิ อย่าเข้าไปมันอันตรายนะ”เธอพูดเสียงดัง ตอนแรกเบลชั่งใจ แต่เมื่อคิดได้ว่าเด็กคนนั้นอาจจะเจอกับอันตรายจริงรีบเดินตามเข้าไปช่วย
.

เบลวิ่งตามเด็กผู้หญิงคนนั้นมาเรื่อยๆ ด้วยความที่ตอนนี้ฟ้ามืดสนิทแล้วทำให้ความสามารถในการมองเห็นน้อยลงไป เบลคาดสายตาจากเด็กคนนั้นมาสักระยะแล้ว เธอเลือกที่จะเดินตรงไปเรื่อยๆจนเจอบ้านหลังหนึ่ง เบลคิดว่าบ้านหลังนี้คงเป็นบ้านของเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นแน่ เธอเดินเข้าไปเพื่อที่จะสอบถามเพื่อความมั่นใจว่าเด็กคนนั้นได้กลับมาถึงบ้านแล้วแน่นอน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ไร้เสียงตอบรับจากคนด้านในบ้าน เบลจึงเคาะไปอีกสามที แต่ผลลัพธ์กลับเป็นเช่นเดิม เธอจับลูกบิดประตูและพบว่ามันไม่ได้ล็อก ก่อนจะถือวิสาสะเดินเข้าไปในบ้านอย่างช้าๆ
“มีใครอยู่ไหมคะ”เบลมองไปรอบๆบ้าน บ้านหลังนี้ต้องมีคนอาศัยอยู่แน่ๆดูจากโต๊ะกินข้าวที่เตรียมไว้อย่างเรียบร้อย ทั้งบ้านไม่มีใครอยู่สักคน เมื่อเดินไปสำรวจได้สักพักเบลตัดสินใจว่าจะกลับไปยังที่พัก เพราะเธอคิดว่าเคนน่าจะตามหาเธอแล้ว
“จะไปแล้วหรอจ๊ะ”หลังจากที่เปิดประตูบ้าน เธอก็เจอเข้ากับชายร่างอ้วนตัวใหญ่คนนึงยืนส่งยิ้มให้เธออย่างน่ากลัว ไม่ทันให้เธอได้ตั้งตัวมันก็ฟาดเข้าที่หัวของเธอด้วยท่อนไม้ท่อนใหญ่ที่พกมาด้วย ก่อนที่สติจะดับวูบไป
“อยู่ด้วยกันก่อนสิ”
.

เบลตื่นขึ้นมาพร้อมกับสติที่เลือนราง สายตาพร่ามัวเนื่องจากถูกฟาดเข้าที่จุดสำคัญ เธอไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหนเพราะมันมืดจนมองอะไรไม่เห็น ทันใดนั้น เรื่องทุกอย่างก่อนหน้านี้ก็ไหลเข้ามาในหัวของเธอ ทำให้เธอหวาดกลัวขึ้นมาทันที!
“จริงสิ มือถือ... เคน ต้องโทรหาเคน!”เบลรีบค้นหามือถือที่ติดตัวมาอย่างทุกลักทุเล ก่อนจะต่อสายไปหาเคนให้มาช่วย ตัวเธอสั่นจนน่ากลัว ใบหน้าเธอเปื้อนไปด้วยเลือด น้ำตาคลอจนจะทะลักออกมาจากสองตา ปากซีดเผือดเหมือนเลือดไม่มาเลี้ยง สภาพของเธอแสนเวทนา...
ตื้ด ตื้ด ตื้ด.
ทันทีที่ต่อสายหาแฟนหนุ่ม ตาเธอเบิกโพลงด้วยความช็อค ร่างกายเธอหยุดนิ่งราวกับถูกแช่แข็ง เสียงเรียกเข้าที่เธอจำได้ดี อยู่ที่ด้างหลังของเธอ
เบลหันไปด้านหลังช้าๆด้วยความกลัว โทรศัพท์มือถือของแฟนหนุ่มกำลังสั่น หน้าจอปรากฏสายเรียกเข้าเป็นเบอร์ของเธอ แต่นั่นมันจะไม่มีผลกระทบอะไรเลยถ้ามือถือนั้นมันไม่ได้อยู่ในมือของเคน ที่ตอนนี้อยู่ในสภาพไร้หัว!! เบลไร้สติโดยสมบูรณ์ แววตาไร้ความรู้สึกจ้องตรงไปยังแฟนหนุ่มที่นอนแน่นิ่ง
แสงสว่างค่อยๆสาดส่องเข้ามาเรื่อยๆทำให้ภาพทุกอย่างชัดเจนขึ้น ชายร่างอ้วนเปิดผ้าที่คุมอยู่ออกจากกรงที่เขาขังทั้งสองคนเอาไว้อย่างมีความสุข
“ขอโทษนะยัยหนู ฉันน่ะก็ไม่ได้กะจะเล็งที่หัวของพ่อหนุ่มนี่หรอกนะ แต่ฤทธิ์เขาเยอะมาก ฉันเลยต้องเด็ดขาดสักหน่อย”เขานั่งยองๆพูดข้างๆกรงกับเบล ถึงแม้ว่าจะมีคำว่าขอโทษในประโยค แต่คนพูดนั้นกลับไม่มีความรู้สึกเลยสักนิด
“เฮ้อ เอาล่ะ เรามาทำอาหารกันดีกว่า”เขาลุกและถอนหายใจเบาๆ หันไปบอกคนในครอบครัวที่ตอนนี้กำลังเตรียมวัตถุดิบในการทำอาหารกันอยู่ ทุกอย่างถูกเตรียมพร้อมไว้ทั้งหมดแล้ว จะเหลือก็แต่... ส่วนของเนื้อสัตว์
“ความดีความชอบคงต้องยกให้ลูกนะแมนดี้ ถ้าไม่มีลูกพวกเราคงทำงานยากกันมากกว่านี้แน่ เก่งมาก ลูกรักของพ่อ”ชายร่างอ้วนหันไปทางลูกสาวของตนพร้อมกับเอ่ยคำชม
เด็กสาวไม่พูดอะไรแต่กลับยิ้มหวานให้กับผู้เป็นพ่อแทน (:
.
.
.
.
“โปรเจ็คผ่านแล้วโว้ย!”
“ผ่านสักที เฮ้อ เหนื่อยสายตัวแทบขาด ตอนไปถ่ายยุงแม่งก็กัดอยู่นั้นแหละ ตอนนี้แผลยังไม่หายเลย พูดแล้วคัน”
“แต่อาจารย์ชมกันเยอะมากเลยนะ เพื่อนๆในคณะก็มาชมพวกเรากันหมด ดีใจว่ะ”
“เออ มีคนเขาถามว่าถ่ายยังไงหนังถึงสมจริงขนาดนั้น กูนี่ตอบไม่เป็นเลย”
“มึงจะตอบว่าไงวะ บ๊อบ”
“ก็ถ่ายจริงๆสิวะ หึๆ”
(:
END




ความคิดเห็นต่อบทความ
ความเห็นบน MagGang(14)
ความเห็นบน Facebook()